ประวัติโดยสังเขป |
อาจารย์สวัสดิ์ ตันติสุข |
บทความ |
สวัสดิ์ ตันติสุข : กว่าหกสิบห้าปีบนเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์
คำกล่าวนี้อาจารย์สวัสดิ์ ตันติสุข ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์(จิตรกรรม)พ.ศ.2534 มักจะใช้สรุปในการถ่ายทอดให้ผู้ที่รักชอบและมีใจรักที่อยากจะปฎิบัติงานศิลปะ เขาเข้าศึกษาคณะจิตรกรรม และประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากรเมื่อพ.ศ.2486 หลังจากจบการศึกษาวุฒิ ป.ป.ช.จากโรงเรียนเพาะช่างด้วยคะแนนสูงระดับต้นๆ ตามเกณฑ์ เข้ามาเป็นนักศึกษารุ่นแรกของมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือกในสมัยที่มีศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีเป็นผู้บุกเบิกในยุคแรก ศิลปินแห่งชาติท่านนี้ถือกำเนิดและเติบโตในบ้านเรือนไทยหลังคาแฝดริมคลองภาษีเจริญ เขาเป็นลูกคนกลางในบรรดาพี่น้องชายล้วน 3 คน บิดามารดามีอาชีพทำสวน ปลูกทั้งพืชล้มลุกและไม้ยืนต้น บนเนื้อที่ 7 ไร่เศษ มีรายได้จากการนำพืชผลในสวนใส่เรือล่องขายตามละแวกคลองภาษีเจริญเรื่อยไปจนถึงถึงหนองแขม นอกจากนี้ยังมีรายได้จากชาวนาส่วนใหญ่ที่เชื่อของไว้โดยชำระด้วยวิธีตกข้าวเปลือกเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวในแต่ละปี และยังซื้อเพิ่มเพื่อนำมาขายได้กำไรเป็นค่าใช้จ่าย ตลอดจนเป็นทุน ส่งเสียเลี้ยงดูให้การศึกษาแก่ลูกๆ ในวัยเด็ก สวัสดิ์เข้ารับการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนวัดรางบัว โรงเรียนวัดนวลนรดิศ และขอตามพี่ชายไปเรียนในโรงเรียนเพาะช่าง กระทั่งมีโอกาสเรียนจนจบอนุปริญญาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ตามลำดับ ความคิดเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ให้ใช้สมอง(ความคิด)และมือ(ฝีมือ)ไปด้วยกัน ทำงานจิตรกรรมอย่าทาสี จงระบายสี ควรทำใจให้ว่างไม่มีอคติใดๆ แล้วให้รูป(งานศิลปะ)พูดกับเรา ฯลฯ ประโยคต่างๆ เหล่านี้ ของท่านศาสตราจารย์ศิลป พีระศรีถูกถ่ายทอดออกมาจากความทรงจำอันแจ่มชัดของสวัสดิ์ผู้เป็นศิษย์ที่ถืออาจารย์ท่านนี้เป็นเสมือนบิดาผู้ให้กำเนิดทางศิลปะ เมื่อประมวลความรู้ทั้งหมดที่ได้รับ ประกอบกับความขยัน อดทน ไม่ยอมแพ้ ทำให้ สวัสดิ์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในวงการศิลปะได้ไม่ยาก และไม่นาน แนวทางสร้างสรรค์งานของเขามีรากฐาน และ ก่อร่างสร้างเป็นแก่นอันเป็นลักษณะเฉพาะตัวขึ้นจากความคิดที่ ต้องให้แตกต่างจากคนอื่นบางครั้ง สวัสดิ์ ถึงกับกล้าใช้คำว่า คิดพิเรนทร์ ไม่เหมือนใคร มาจนถึง เล่น- เรียน เรียน-เล่น ต่อยอดทางความคิด แล้วถ่ายทอดต่อให้ศิษย์ในวันนี้ พ.ศ.2499-2503 สวัสดิ์มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อยังสถาบันวิจิตรศิลป กรุงโรม ประเทศอิตาลี ประสบการณ์ครั้งนั้นช่วยเพิ่มพูนทักษะ รวมถึงโอกาสแสดงความสามารถอันโดดเด่น ให้เป็นที่ประจักษ์ ที่นี่เขาเริ่มเข้าใจในคุณค่างานนามธรรม และเริ่มปฎิบัติงานในแนวทางนามธรรม ด้วยเทคนิคสีน้ำมันเวลาต่อมา ระหว่างศึกษา และก่อนกลับประเทศไทยในปีพ.ศ.2503 เขาได้รางวัลชนะเลิศจากการประกวดงานศิลปะระดับเยาวชนหลายรางวัล ครั้งสำคัญได้แก่การประกวดที่เมืองราเวนนา และการประกวดระดับชาติทั่วทั้งประเทศอิตาลี ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ สภาวัฒนธรรมอิตาลี แห่งภาคตะวันออกกลาง และตะวันออกไกล ( Is.MEO )ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อุปถัมภ์ทุนให้ ได้จัดนิทรรศการพิเศษสำหรับเขาขึ้น ทั้งที่ในกรุงโรมและสาขาเมืองมิลาน นอกจากนี้เขาเป็นศิลปินที่มีทักษะ ชำนาญในการใช้สีน้ำหาตัวจับยากคนหนึ่ง ความช่างสังเกต ความบังเอิญ และโชค มักจะปรากฏขึ้นพร้อมๆ กันในบางจังหวะชีวิต บ่อยครั้งที่ปรากฏการณ์เหล่านี้ส่งผลให้เกิดผลงานที่ทำให้เขาหลงรักและหวงแหนหลายภาพ
หลายรางวัลใหญ่จากทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้เกียรติประวัติของศิลปินท่านนี้อยู่ในแถวหน้าของผู้มากด้วยคุณานุประการต่อวงการศิลปะบ้านเรา เขาเป็นทั้งศิลปินชั้นเยี่ยม ราชบัณฑิต ได้รับเกียรติเป็นดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาจิตรกรรม จากคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นอาจารย์ วิทยากร กรรมการ ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม และภาคภูมิใจเป็นที่สุดเมื่อได้เข้ารับพระราชทาน เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาวิจิตรศิลป์ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อปีพ.ศ.2546 กว่าหกสิบห้าปีที่อุทิศชีวิตให้คำว่า ศิลปะ ผลงานและเกียรติประวัติของเขาจะได้รับการ ถ่ายทอดสู่สาธารณชน เนื่องในโอกาสที่ปีพ.ศ.2552 อาจารย์สวัสดิ์ ตันติสุขจะครบวาระ 7 รอบ กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลปเจ้าฟ้า จึงมีมติเห็นชอบจัด นิทรรศการพิเศษเพื่อ เชิดชูเกียรติศิลปินอาวุโส ประจำปีพุทธศักราช 2551 : ศิลปกรรมย้อนหลัง สวัสดิ์ ตันติสุข ศิลปินแห่งชาติ ประกอบด้วยภาพวาดจำนวนไม่ต่ำกว่า 150 ภาพนับแต่พ.ศ.2485 จวบปัจจุบัน พิธีเปิดอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 9 เมษายน 2551 เวลา 18.00 น. บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 10 เมษายน - 29 พฤษภาคมนี้ เวลา 8.30 16.30 น. เว้นวันจันทร์ อังคาร และวัน หยุดนักขัตฤกษ์ นิทรรศการพิเศษเพื่อเชิดชูเกียรติศิลปินอาวุโส ประจำปีพุทธศักราช 2551 : ศิลปกรรมย้อนหลัง "สวัสดิ์ ตันติสุข" ศิลปินแห่งชาติ โดย ปาน เมื่อพูดถึงศิลปินในยุคบุกเบิกแรกเริ่มของวงการศิลปะร่วมสมัยในบ้านเรา
ผู้อยู่ในวงการศิลปะน้อยใหญ่วัย 80 จนถึงรุ่นหลาน หากเอ่ยนาม สวัสดิ์ ตันติสุข
คงมีน้อยคนนักที่จะไม่เคยผ่านตาผลงานของเขา ด้วยบุคลิก ที่นุ่มนวล โอบอ้อม
และอ่อนโยน ทำให้ศิลปินใหญ่ท่านนี้เป็นที่รักและได้รับการยกย่อง
ยอมรับนับถือได้ไม่ยากจากทุกสถานะ เขาใช้ชีวิตอยู่กับศิลปะมาแล้วกว่า 65 ปี
เริ่มจากโรงเรียนเพาะช่างเมื่อปีพ.ศ.2483 มหาวิทยาลัยศิลปากร
จนกระทั่งได้รับทุนจากสภาวัฒนธรรมอิตาลีแห่งภาคตะวันออกกลางและตะวันออกไกล ( IsMeo
)โดย Prof. Tucci และการสนับสนุนจากศาสตราจารย์ศิลป์
พีระศรีที่เปรียบเสมือนบิดาทางศิลปะ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตรซึ่งเป็นองค์อุปถัมถ์ ทั้งสองท่านนับเป็นผู้มีอุปการคุณ
ให้ความเมตตาและอุปถัมภ์จนประสบความสำเร็จในเบื้องต้น อันเป็นความสำเร็จที่หยั่งราก
ฝังลึกจากต้นกล้าจนเติบใหญ่เป็นไม้ที่แผ่กว้างให้ร่มเงาแก่ศิษย์น้อยใหญ่ เมื่อได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อยังสถาบันวิจิตรศิลป์
กรุงโรมโดยเข้าเป็นศิษย์ของPro.Franco Gentilini
ศิลปินผู้มีผลงานเป็นที่ยอมรับคนหนึ่งในศตวรรษที่20 ชาวอิตาเลียน (1909-1981)
เวลา 4 ปีที่อิตาลี เขาได้เริ่มสะสมประสบการณ์สู้ชีวิต
และพัฒนาการทำงานจนสามารถพิสูจน์ให้ได้ประจักษ์จากรางวัลชนะเลิศระดับเยาวชนหลายรางวัล
อันเป็นผลทำให้มีการจัดแสดงผลงานเดี่ยวเป็นเกียรติให้ก่อนเดินทางกลับ
ระหว่างนั้นเป็นช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จประพาสยุโรป รวมทั้งประเทศอิตาลี แต่เนื่องจากเขาต้องเป็นตัวแทนศิลปินไทยเข้าประชุมที่กรุงเวียนนา ร่วมกับศ.ศิลป
พีระศรี และ อ.เฟื้อ หริพิทักษ์ จึงไม่มีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จฯด้วยตนเอง
แต่ฯพณฯไพโรจน์ ชัยนาม
ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโรมในเวลานั้นได้นำภาพเขียนชื่อ Duomo
Milanoซึ่งเขียนขึ้นก่อนจะออกเดินทางไปทำหน้าที่ดังกล่าว ถวายแทนตัว เมื่อกลับมาก็ได้มีโอกาสรับใช้อยู่ในราชการ กรมศิลปากร ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะต่างๆ
ทั้งเป็นข้าราชการ ผู้บริหาร ครูอาจารย์ ศิลปิน
กรรมการคัดเลือกตัดสินผลงานทางศิลปะหลายระดับ ทั้งในและนอกประเทศ วิทยากร
แม้กระทั่งการให้ความร่วมมือแก่ส่วนราชการและเอกชนทั้งหลายในโครงการต่างๆ
ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ จนเกษียณอายุราชการ
ในตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยช่างศิลป กรมศิลปากรเป็นตำแหน่งสุดท้าย
เมื่อปีพ.ศ.2528 จากเด็กชายชาวสวนนิสัยใจร้อน ละแวกบางแค
นั่งพายเรือในคลองภาษีเจริญไปเรียนที่โรงเรียนวัดรางบัว และวัดนวลนรดิศกับพี่ชาย
จนมีโอกาสได้ตามพี่ชายเข้าไปศึกษาในโรงเรียนเพาะช่างด้วยวิธีรบเร้าให้พี่ชายพาไปสมัครเข้าชั้นเรียนทั้งที่โรงเรียนเปิดเรียนไปแล้วถึง
1 เดือน เพราะไม่ชอบที่จะต้องทนทำสวนอยู่กับบ้าน เขาได้พัฒนาฝีมือจาก คะแนน 4 เต็ม
10จนได้รางวัล ที่ 3 และที่ 2 ตามลำดับ
จากการประกวดเขียนภาพที่จัดขึ้นเป็นพิเศษที่โรงเรียนเพาะช่าง
อีกทั้งประสบการณ์การถ่ายทอดที่ส่งผลทางจิตวิทยาเชิงบวกแก่ศิษย์จากคุณครูแนบ บังคม
ด้วย ความมุ่งมั่น อุตสาหะ ช่างสังเกต และไม่ยอมแพ้
ประกอบกับจังหวะชีวิตช่วยส่งให้สวัสดิ์ ตันติสุขได้มายืนอยู่ในจุดสูงสุด ณ วันนี้ ด้วยวัย 83 เขายังรักที่จะสร้างงานศิลปะด้วยพลังใจที่ไม่เคยดับมอด
แม้ร่างกายและสุขภาพจะไม่ค่อยเอื้อและเกื้อต่อการสร้างสรรค์ผลงานตามที่ใจประสงค์ก็ตาม จากผลงาน และเกียรติประวัติที่ได้รับมา ในโอกาสที่ศิลปินอาวุโสท่านนี้ สวัสดิ์
ตันติสุข กำลังจะครบวาระ 7 รอบ ในปี 2552 กรมศิลปากร
โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าฟ้า ได้มีมติเห็นชอบที่จะจัด
นิทรรศการพิเศษเพื่อเชิดชูเกียรติศิลปินอาวุโส ประจำปีพุทธศักราช 2551 :
ศิลปกรรมย้อนหลัง "สวัสดิ์ ตันติสุข" ศิลปินแห่งชาติ ขึ้น ในนิทรรศการจะประกอบไปด้วยผลงานไม่ต่ำกว่า 150 ภาพ ที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2485 จนถึงปัจจุบัน โดยจะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ในวันพุธที่ 9เมษายน
2551 เวลา 18.00 น.
และจะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ ตั้งแต่ 10 เมษายน - 29 พฤษภาคม 2551 ตั้งแต่
เวลา 8.30 ถึง 16.30 น. จึงขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมชมนิทรรศการได้ตามวันและเวลาดังกล่าว.
|
ภาพผลงาน |
"ควรแบ่งเวลาให้เหมาะสม ฝึกฝนหลากเทคนิค
|